ระบบประปา น้ำประปา

 

SEGA WATER รับปรับปรุง ซ่อมแซมแก้ไข ออกแบบ ติดตั้ง ระบบประปา ปรับปรุงคุณภาพระบบน้ำประปา ระบบประปาผิวดิน ได้ตามมาตรฐานน้ำประปาส่วนภูมิภาคและประปานครหลวง ระบบประปาบาดาล ของระบบประปาทุกประเภท อีกทั้งยังจัดหาแหล่งน้ำดิบสำหรับนำน้ำมาผลิตน้ำประปา รับก่อสร้างและรับทำโรงผลิตน้ำประปา บ่อพักน้ำประปาหรือถังเก็บน้ำประปาออกแบบตามกระบวนการบำบัดน้ำที่ถูกต้อง รวมถึงรับทำน้ำประปาจากน้ำทะเล การนำน้ำเสียกลับมารีไซเคิลเป็นน้ำประปา รียูสวอเตอร์ Reuse Water Recycle Water จำหน่ายเครื่องกรองน้ำ มาตรวัดน้ำประปา แบบดิจิตอล ถังควบคุมแรงดันน้ำประปา วาล์วน้ำประปา รับเหมารับเดินท่อน้ำประปา วางท่อน้ำ แก้ปัญหาน้ำรั่วซึม เดินท่ออุตสาหกรรม ระบบบำบัดน้ำประปา ไฟฟ้า ดับเพลิง แอร์ งานระบบสุขาภิบาล ทั้งภาครัฐ และเอกชน อบจ.เทศบาล อบต.ระบบประปาหมู่บ้าน ระบบประปาใช้ในโรงงาน ระบบประปาอาคารสูง ระบบประปาภูเขา แก้ปัญหาน้ำบาดาล การใช้น้ำประปาในบ้าน ประปาขนาดเล็ก ประปาโรงแรม รีสอร์ท ระบบประปาโรงเรียน มหาวิทยาลัย ประปาน้ำใช้ในโรงพยาบาล ระบบประปาเพื่อการเกษตร รวมถึงการทำน้ำประปาดื่มได้ แนะนำวิธีประหยัดน้ำประปา เช่นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ การบำรุงรักษาปั๊มน้ำ การแก้ปัญหาน้ำประปาไม่ไหล ปัญหาประปาแรงดันต่ำ น้ำประปาขุ่น ท่อประปารั่ว ให้การคำนวนปริมาณน้ำประปา สนใจติดต่อ TEL 081 1707576/081 7324464 LINE:ID @436pxvgt 

ระบบน้ำประปา: ความสำคัญ กระบวนการออกแบบ และวิธีการติดตั้งที่ถูกต้อง

ระบบน้ำประปาคืออะไร?

ระบบน้ำประปา (Water Supply System) เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการจัดหาน้ำสะอาดสำหรับการบริโภคและอุตสาหกรรม น้ำที่นำมาใช้ในระบบประปาสามารถมาจากแหล่งน้ำผิวดิน (แม่น้ำ ทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ) หรือแหล่งน้ำใต้ดิน (บ่อบาดาล) ซึ่งต้องผ่านกระบวนการกรองและบำบัดเพื่อให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดก่อนส่งถึงผู้ใช้งาน

ความสำคัญของระบบน้ำประปา

  • ให้ประชาชนมีน้ำสะอาดบริโภค ลดความเสี่ยงจากโรคที่เกิดจากน้ำปนเปื้อน
  • ช่วยส่งเสริมสุขอนามัย โดยเฉพาะในเมืองและชุมชนที่มีประชากรหนาแน่น
  • จำเป็นต่อภาคอุตสาหกรรม เช่น การผลิตอาหาร เครื่องดื่ม โรงงาน และภาคเกษตรกรรม
  • มีผลต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม หากระบบน้ำไม่ดี อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบนิเวศ

ขั้นตอนการออกแบบระบบน้ำประปา

  1. ศึกษาสภาพพื้นที่และแหล่งน้ำ

    • วิเคราะห์ปริมาณและคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำดิบ
    • ประเมินความต้องการใช้น้ำของชุมชนหรืออุตสาหกรรม
  2. คำนวณอัตราการไหลและแรงดันน้ำ

    • คำนวณอัตราการไหลที่เหมาะสมเพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอ
    • ออกแบบเครือข่ายท่อเพื่อให้แรงดันเหมาะสมกับพื้นที่
  3. ออกแบบระบบบำบัดน้ำ

    • เลือกเทคโนโลยีการกรองและบำบัด เช่น การตกตะกอน การกรอง และการฆ่าเชื้อ
    • ควบคุมคุณภาพน้ำให้เป็นไปตามมาตรฐาน
  4. วางแผนระบบจ่ายน้ำ

    • ออกแบบเครือข่ายท่อส่งน้ำให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
    • คำนึงถึงแรงดันน้ำและจุดส่งน้ำที่เหมาะสม
  5. ติดตั้งระบบควบคุมและตรวจสอบคุณภาพน้ำ

    • ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพน้ำอัตโนมัติ
    • กำหนดมาตรการบำรุงรักษาเพื่อป้องกันปัญหาการรั่วไหล

วิธีการทำระบบน้ำประปาให้มีประสิทธิภาพ

  • ใช้วัสดุท่อที่ได้มาตรฐาน เช่น PVC, PE หรือท่อเหล็ก
  • ติดตั้งปั๊มน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะสมกับปริมาณการใช้งาน
  • ติดตั้งระบบบำบัดน้ำที่สามารถกรองสิ่งสกปรกและเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ตรวจสอบและบำรุงรักษาเครือข่ายท่อเป็นประจำเพื่อลดการรั่วไหล

ข้อเสนอแนะในการเลือกใช้ระบบน้ำประปา

 

  • สำหรับบ้านเรือน: เลือกใช้ถังเก็บน้ำและเครื่องกรองน้ำที่มีมาตรฐาน
  • สำหรับอาคารสูง: ต้องมีระบบเพิ่มแรงดันน้ำและถังเก็บน้ำสำรอง
  • สำหรับภาคอุตสาหกรรม: ควรมีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติ

 

 

ค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำประปา แยกตามการประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาค


มาตรฐานคุณภาพน้ำประปาของการประปานครหลวง (กปน.)

(อ้างอิงจาก: การประปานครหลวง MWA) 

  1. คุณลักษณะทางกายภาพ

  • ความขุ่น (Turbidity): ไม่เกิน 5 NTU
  • สี (Color): ไม่เกิน 15 หน่วยแพลทินัม-โคบอลต์
  • กลิ่น (Odor): ไม่มีลักษณะผิดปกติ
  • รสชาติ (Taste): ไม่มีรสผิดปกติ
  • ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH): อยู่ระหว่าง 6.5 - 8.5
  • อุณหภูมิ (Temperature): ควรอยู่ในช่วง 25 - 30°
  •  
  • 2. คุณลักษณะทางเคมี
  • ของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมด (Total Dissolved Solids, TDS): ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ความกระด้างทั้งหมด (Total Hardness as CaCO₃): ไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • คลอไรด์ (Chloride, Cl⁻): ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ซัลเฟต (Sulfate, SO₄²⁻): ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ฟลูออไรด์ (Fluoride, F⁻): ไม่เกิน 0.7 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ไนเตรตในรูปไนเตรต (Nitrate as NO₃⁻): ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • เหล็ก (Iron, Fe): ไม่เกิน 0.3 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • แมงกานีส (Manganese, Mn): ไม่เกิน 0.1 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • สารหนู (Arsenic, As): ไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ปรอท (Mercury, Hg): ไม่เกิน 0.001 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ตะกั่ว (Lead, Pb): ไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • แคดเมียม (Cadmium, Cd): ไม่เกิน 0.003 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • สังกะสี (Zinc, Zn): ไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อลิตร
  •  
  • 3. คุณลักษณะทางจุลชีววิทยา
  • โคลิฟอร์มแบคทีเรียทั้งหมด (Total Coliform Bacteria): ต้องไม่พบใน 100 มิลลิลิตร
  • เอสเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli หรือ E. coli): ต้องไม่พบใน 100 มิลลิลิตร
  • จุลชีพที่ทำให้เกิดโรค (Pathogenic Microorganisms): ต้องไม่พบ

มาตรฐานคุณภาพน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)

(อ้างอิงจาก: การประปาส่วนภูมิภาค PWA)

  1. คุณลักษณะทางกายภาพ

  • ความขุ่น (Turbidity): ไม่เกิน 4 NTU
  • สีปรากฏ (Apparent Color): ไม่เกิน 15 หน่วยแพลทินัม-โคบอลต์
  • กลิ่น (Odor): ไม่มีลักษณะผิดปกติ
  • รสชาติ (Taste): ไม่มีรสผิดปกติ
  • ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH): อยู่ระหว่าง 6.5 - 8.5
  • อุณหภูมิ (Temperature): ควรอยู่ในช่วง 25 - 30°C
  •  
  • 2. คุณลักษณะทางเคมี
  • ของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมด (Total Dissolved Solids, TDS): ไม่เกิน 600 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ความกระด้างทั้งหมด (Total Hardness as CaCO₃): ไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • คลอไรด์ (Chloride, Cl⁻): ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ซัลเฟต (Sulfate, SO₄²⁻): ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ฟลูออไรด์ (Fluoride, F⁻): ไม่เกิน 0.7 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ไนเตรตในรูปไนเตรต (Nitrate as NO₃⁻): ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • เหล็ก (Iron, Fe): ไม่เกิน 0.3 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • แมงกานีส (Manganese, Mn): ไม่เกิน 0.08 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • สารหนู (Arsenic, As): ไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ปรอท (Mercury, Hg): ไม่เกิน 0.001 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ตะกั่ว (Lead, Pb): ไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • แคดเมียม (Cadmium, Cd): ไม่เกิน 0.003 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • สังกะสี (Zinc, Zn): ไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อลิตร
  •  
  • 3. คุณลักษณะทางจุลชีววิทยา
  • โคลิฟอร์มแบคทีเรียทั้งหมด (Total Coliform Bacteria): ต้องไม่พบใน 100 มิลลิลิตร
  • เอสเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli หรือ E. coli): ต้องไม่พบใน 100 มิลลิลิตร
  • จุลชีพที่ทำให้เกิดโรค (Pathogenic Microorganisms): ต้องไม่พบ

สรุปข้อแตกต่างระหว่าง กปน. และ กปภ.

  • ค่าความขุ่น: กปน. กำหนด ≤5 NTU ส่วน กปภ. กำหนด ≤4 NTU
  • ของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมด (TDS): กปน. ≤1,000 mg/L ส่วน กปภ. ≤600 mg/L
  • ความกระด้างทั้งหมด: กปน. ≤500 mg/L ส่วน กปภ. ≤300 mg/L
  • แมงกานีส: กปน. ≤0.1 mg/L ส่วน กปภ. ≤0.08 mg/L
  • มาตรฐานจุลชีววิทยา: ทั้งสองแห่งใช้มาตรฐานเดียวกัน
  •  
  • สรุป
  • กปน. มีมาตรฐานที่เคร่งครัดขึ้นในบางส่วน โดยเฉพาะในเขตเมืองที่ต้องการคุณภาพน้ำที่สูงขึ้น
  • กปภ. มีมาตรฐานที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ชนบทและภูมิภาค ซึ่งน้ำดิบอาจมีคุณภาพต่างจากเขตเมือง

 

 ตัวอย่างการออกแบบระบบประปาอาคารสูงในกทม.ขนาดอาคาร70ชั้นละ30ห้อง เป็นคอนโดมีเนียม 

1. ข้อมูลพื้นฐาน

  • อาคารสูง: 70 ชั้น

  • ห้องต่อชั้น: 30 ห้อง

  • ผู้อยู่อาศัยโดยประมาณ: 2 คนต่อห้อง → 4,200 คน

  • ค่าการใช้น้ำเฉลี่ย: 200 ลิตร/คน/วัน (ตามมาตรฐาน กปน.)

→ ปริมาณการใช้น้ำรวม = 4,200 × 200 = 840,000 ลิตร/วัน = 840 ลบ.ม./วัน


2. บ่อพักน้ำใต้ดิน (Underground Water Tank)

หลักเกณฑ์การคำนวณ

  • ถังเก็บน้ำใต้ดินควรเก็บน้ำได้ 1 วัน หรือ 1.2 - 1.5 เท่า ของปริมาณการใช้น้ำรายวัน (เผื่อกรณีปั๊มเสีย / น้ำไม่จ่าย)

→ ขนาดบ่อพักน้ำ = 1.2 × 840 = 1,008 ลบ.ม. → ปัดเป็น 1,000 ลบ.ม.

ขนาดถัง (คอนกรีตใต้ดิน)

ใช้รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า:

  • ความยาว 20 ม.

  • ความกว้าง 10 ม.

  • ความสูงน้ำใช้ได้ = 5 ม. → ปริมาตร = 20 × 10 × 5 = 1,000 ลบ.ม.


3. ถังพักน้ำบนอาคาร (Roof Tank)

หลักเกณฑ์การคำนวณ

  • โดยทั่วไปใช้เก็บน้ำสำรองได้ ประมาณ 1/3 วัน เพื่อป้อนน้ำด้วยแรงโน้มถ่วงในช่วงฉุกเฉิน

→ ขนาดถังพักบนดาดฟ้า = 840 × 1/3 = 280 ลบ.ม.

ขนาดถัง

  • รูปทรงกระบอก หรือแนวนอน

  • ตัวอย่าง: ความยาว 10 ม. × เส้นผ่านศูนย์กลาง 6 ม. → ปริมาตรประมาณ 282.7 ลบ.ม.


4. ปั๊มส่งน้ำจากพื้นราบ (Transfer Pump)

หน้าที่: ส่งน้ำจากถังใต้ดินขึ้นไปยังถังดาดฟ้า

อัตราการไหลที่ต้องการ

  • ควรส่งน้ำขึ้นในเวลา ไม่เกิน 4 ชม.

→ อัตราการไหล = 280 ลบ.ม. / 4 ชม. = 70 ลบ.ม./ชม. = 19.4 ลิตร/วินาที

แรงดันที่ต้องใช้ (Head)

  • ความสูงอาคาร = 70 ชั้น × 3 ม./ชั้น = 210 ม.

  • เพิ่มแรงดันเผื่อสูญเสียในท่อ = 20 ม.

→ Total Head ≈ 230 เมตร

เลือกปั๊ม

  • ปั๊มแนวตั้ง (Vertical Multistage)

  • Q = 20 ลิตร/วินาที

  • H = 230 เมตร

  • พิจารณาใช้ 2 ตัว (ทำงาน + สำรอง)


5. Booster Pump (ชั้นบนสุด 3 ชั้น)

หน้าที่: จ่ายน้ำให้ 3 ชั้นบนสุดที่แรงโน้มถ่วงไม่เพียงพอ

  • ห้องพัก 3 ชั้น = 3 × 30 = 90 ห้อง

  • ผู้อยู่อาศัย = 180 คน → ปริมาณการใช้น้ำ = 36,000 ลิตร/วัน

  • ควรจ่ายได้ใน 3 ชม. → อัตราการไหล = 3.3 ลิตร/วินาที

→ เลือกปั๊มขนาด Q = 3.5 ลิตร/วินาที, H = 50 เมตร (เนื่องจากเป็นช่วงท้ายของระบบ)


6. ระบบท่อประปา

6.1 ท่อเมนแนวตั้ง (Riser)

  • ใช้ 2 ท่อหลักขึ้นอาคาร (แบ่ง Zone)

  • ขนาดประมาณ DN100 – DN150 (พิจารณา Flow Rate และ Velocity ไม่เกิน 2 m/s)

→ ใช้สูตร Manning หรือ Darcy-Weisbach ตรวจสอบขนาดตามอัตราการไหล (เช่น 10 – 20 ลบ.ม./ชม./โซน)

6.2 ท่อแยกตามชั้น (Branch Pipe)

  • ท่อจ่ายเข้าทุกห้อง ขนาดประมาณ 1/2 นิ้ว – 3/4 นิ้ว

  • ท่อจ่ายแนวนอนในชั้น (Main Branch) ขนาด 1.5 – 2 นิ้ว

→ ใช้ Plumbing Fixture Unit (FU) ของแต่ละจุดสุขาภิบาล และอ้างอิงตารางมาตรฐาน (เช่น Uniform Plumbing Code)


7. แผนผังระบบประปา

  • Zone-based system: แบ่งอาคารเป็น 2–3 โซน ลดแรงดันในท่อ

  • ระบบจ่ายน้ำ:

    • บ่อพักน้ำใต้ดิน → Transfer Pump → ถังพักบนดาดฟ้า

    • ถังดาดฟ้า → แรงโน้มถ่วง → ท่อเมนแนวตั้ง → ท่อแยกเข้าห้อง

    • Booster pump สำรองสำหรับชั้นบน


ตัวอย่างการออกแบบระบบน้ำในบ้านพักอาศัย10คน
1.ตัวบ้าน200ตร.ว.
2.มีสวนต้นไม้อยู่50รารางวา
3.มีสระว่ายน้ำขนาด4x10x1.3m.
4.มีห้องน้ำ4ห้องอ่างอาบน้ำขนาดทั่วไป2ห้อง
5.ภายในบ้านแบ่งเป็นห้องโถงห้อนั่งเล่นห้องครัว
6.ชั้นบนเป็นห้องนอน4ห้อง
7.น้ำที่นี่เป็นน้ำบาดาล มีค่าhardness300mg/L.ค่าfe5mg/L. 

1. สรุปข้อมูลเบื้องต้น

  • ผู้อยู่อาศัย: 10 คน

  • พื้นที่บ้าน: 200 ตร.วา (800 ตร.ม.)

  • สวน: 50 ตร.วา (200 ตร.ม.)

  • สระว่ายน้ำ: 4 × 10 × 1.3 = 52 ลบ.ม.

  • ห้องน้ำ: 4 ห้อง (มีอ่าง 2 ห้อง)

  • น้ำต้นทาง: น้ำบาดาล (Fe 5 mg/L, Hardness 300 mg/L)


2. ปริมาณการใช้น้ำ

ใช้น้ำภายในบ้าน

  • 200 ลิตร/คน/วัน × 10 คน = 2,000 ลิตร/วัน

ใช้น้ำรดน้ำต้นไม้

  • 200 ตร.ม. × 5 ลิตร/ตร.ม./วัน = 1,000 ลิตร/วัน

→ รวม = 3,000 ลิตร/วัน หรือ 3 ลบ.ม./วัน

(สระว่ายน้ำเติมน้ำเพียงบางส่วน ไม่คำนวณในปริมาณรายวัน)


3. ระบบบำบัดน้ำบาดาล

3.1 ถาดเติมอากาศ (Aeration Tray)

วัตถุประสงค์:

  • กำจัด Fe โดยเติมอากาศให้ออกซิเจนเข้าไปทำให้ Fe2+ เปลี่ยนเป็น Fe3+

การออกแบบ

  • พื้นที่ถาด: 0.8 × 0.8 ม.

  • ความสูงรวม: 1.2 ม.

  • ใช้ Blower ขนาด 0.5 HP เป่าอากาศเข้าฐาน


3.2 ถังตกตะกอน/พักน้ำหลังเติมอากาศ

  • ขนาดแนะนำ: 1,000 ลิตร (พักอย่างน้อย 2–3 ชม.)

  • รูปแบบ: PE หรือคอนกรีต

  • มี overflow ด้านบน และทางดูดน้ำด้านล่าง (เว้นตะกอน)


3.3 ถังกรองทราย + แมงกานีส

หน้าที่:

  • กรองตะกอน + สนิมเหล็กที่ตกค้าง

การเลือกขนาด:

  • อัตรากรอง ~ 15–20 ลิตร/นาที

→ เลือกถังกรองไฟเบอร์กลาส ขนาด Ø12” × 54”

  • Media: ทราย + manganese green sand 50:50 (รวม 80 ลิตร)

  • Backwash ด้วยปั๊ม 1/2 HP ประมาณ 10 นาที/สัปดาห์


3.4 ชุดกรองเรซิ่น (Softener)

หน้าที่:

  • ดักจับหินปูน (Ca²+, Mg²+) ที่เป็นต้นเหตุของ hardness

ขนาดเรซิ่น:

  • Water Hardness = 300 mg/L as CaCO₃ → ใช้เรซิ่น 1 ลิตร/300 ลิตรน้ำ

→ ต้องกรอง 3,000 ลิตร/วัน → ใช้เรซิ่นประมาณ 10 ลิตร

ขนาดถัง:

  • Fiberglass Ø10" × 44"

  • Resin = 10–12 ลิตร

  • ควบคุมด้วยหัวอัตโนมัติ (Automatic Valve)


3.5 ถังพักน้ำหลังกรอง

  • ขนาดสำรองน้ำใช้งาน 1 วัน = 3,000 ลิตร (ขั้นต่ำ)

  • แนะนำใช้ถัง 5,000 ลิตร สำหรับความปลอดภัยและสำรองฉุกเฉิน


4. ปั๊มน้ำเข้าใช้ในบ้าน

เลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติ (constant pressure)

  • อัตราการไหลที่ต้องการ: 3,000 ลิตร/วัน → เฉลี่ย 125 ลิตร/ชม.

  • เผื่อการใช้น้ำพร้อมกัน (peak) = 20–30 ลิตร/นาที

→ เลือกปั๊มขนาด 0.75 HP ถึง 1 HP แบบอินเวอร์เตอร์ หรือถังแรงดัน


5. ระบบท่อประปา

ตำแหน่งขนาดท่อ (PVC ชั้น 13.5)หมายเหตุ
ท่อเมนจากถังถึงปั๊ม 1.5 นิ้ว (Ø40 มม.) รองรับอัตราการไหลสูงสุด
ท่อเมนภายในบ้าน 1 นิ้ว (Ø25 มม.) เข้าระบบ manifold / แยกตามโซน
ท่อแยกเข้าอ่าง/สุขภัณฑ์ 1/2 นิ้ว (Ø13 มม.) ใช้ตามสุขภัณฑ์แต่ละจุด

6. ผังการไหลของระบบ

น้ำบาดาล → ถาดเติมอากาศ → ถังตกตะกอน → ถังกรองทราย/แมงกานีส → กรองเรซิ่น → ถังพักน้ำสะอาด → ปั๊มน้ำ → บ้าน

ตัวอย่างการออกแบบระบบประปาหมู่บ้าน 1000 ครัวเรือนขององค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง 
1.น้ำที่ใช้เป็นน้ำบาดาล 2.มีค่า hardness 600mg/L tds 4500mg/L fe20 mg/L ต้องการสูบน้ำบาดาลแล้วเข้าสู่ระบบบำบัด ก่อนดันน้ำขึ้นถังสูง ซึ่งถังสูงตั้งอยู่ตรงกลางหมู่บ้าน มีรัศมีเป็นรูปวงกลม 10กิโลเมตร 
รายการค่า
จำนวนครัวเรือน 1,000 หลังคาเรือน
ผู้อยู่อาศัย/หลัง 4 คน
รวมประชากร 4,000 คน
การใช้น้ำเฉลี่ย 200 ลิตร/คน/วัน
พื้นที่หมู่บ้าน รัศมี 10 กม. (พื้นที่ ≈ 314 ตร.กม.)

→ ปริมาณน้ำใช้รวม = 4,000 × 200 = 800,000 ลิตร/วัน = 800 ลบ.ม./วัน


คุณภาพน้ำบาดาลต้นทาง

รายการค่าเริ่มต้นค่ามาตรฐาน กปภ.
Hardness 600 mg/L < 300 mg/L
TDS 4,500 mg/L < 1,000 mg/L
เหล็ก (Fe) 20 mg/L < 0.3 mg/L

→ ต้องการระบบบำบัดที่มีความสามารถสูงในด้าน:

  • กำจัดเหล็ก (Fe)

  • ลด Hardness

  • ลด TDS


 1. ระบบสูบน้ำและเติมอากาศ

บ่อบาดาล

  • ควรมี 2–3 บ่อ เพื่อสำรอง, บ่อละ ~400 ลบ.ม./วัน

ถาดเติมอากาศ (Aeration Tray)

  • สำหรับเติมออกซิเจน กำจัด Fe ด้วยการตกตะกอนเป็นสนิม

  • ถาด 3 ชั้น 


️ 2. ถังตกตะกอน

  • ขนาด: 1,000 ลิตร/ชม. × เวลาพัก 2 ชม. = 2,000 ลิตร

  • แนะนำถังคอนกรีต ขนาด 2–3 ลบ.ม.


 3. ระบบกรอง

ถังกรองแมงกานีส (Manganese Sand)

  • กรอง Fe เหลือ <0.3 mg/L

  • อัตรากรอง: 10–15 ลบ.ม./ชม. ต่อถัง Ø24"

  • ใช้ 2 ถังสลับการล้างย้อน (Backwash)

ถังกรองเรซิ่น (Softener)

  • ลด Hardness จาก 600 → < 300 mg/L

  • ใช้เรซิ่น ~ 20 ลิตร/100 ลบ.ม. = 160 ลิตร/วัน

  • ใช้ถัง Ø16–18" × สูง 65" เรซิ่น 200 ลิตร + หัวอัตโนมัติ

RO System (สำหรับลด TDS)

  • กรอง TDS จาก 4,500 → < 1,000 mg/L

  • Recovery Rate ~50%

  • ต้องกรอง 800 × 2 = 1,600 ลบ.ม./วัน → ระบบ RO ขนาด ~70 ลบ.ม./ชม. รวม Pretreatment


 4. ถังพักน้ำหลังกรอง

  • ขนาดขั้นต่ำ: 1.2 × 800 = 960 ลบ.ม.

  • แนะนำใช้ถัง PE หรือ RCC 1,000–1,200 ลบ.ม.


 5. ถังสูงแบบแชมเปญ (Elevated Tank)

ขนาด

  • ความจุขั้นต่ำ: 1 ใน 3 ของการใช้น้ำ = 800 / 3 = 267 ลบ.ม. → แนะนำขนาด 300 ลบ.ม.

ความสูง

  • เพื่อให้แรงดันเพียงพอ (20–30 ม. H₂O head) → ถังสูงประมาณ 25 เมตร

✅ โครงสร้าง

  • ถังทรงแชมเปญ (Champagne type tank)

  • เส้นผ่านศูนย์กลางถัง ≈ 6–7 ม.


 6. ปั๊มจ่ายน้ำขึ้นถังสูง

  • ปั๊มขนาดจ่ายน้ำ 50–70 ลบ.ม./ชม.

  • Head ≈ 30 เมตร + เผื่อสูญเสีย = 40 เมตร → เลือกปั๊มหอยโข่ง 15–20 แรงม้า × 2 ตัว (1 สำรอง)


️ 7. ระบบท่อจ่ายน้ำ

พื้นที่รัศมี 10 กม. (วงกลม)

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง ~20 กม.

  • หมู่บ้านกระจายทั่วพื้นที่ → ระยะส่งสูงสุด ≈ 10 กม.

ท่อเมนหลัก

  • ปริมาณน้ำสูงสุด ≈ 50 ลบ.ม./ชม.

  • ค่าความเร็วแนะนำ ≤ 1.5 m/s

คำนวณขนาดท่อ:

→ ใช้ ท่อเมน HDPE Ø160 มม. (6")

ท่อย่อยตามซอย

  • Ø63–90 มม. (2.5"–3")

ท่อแยกเข้าบ้าน

  • Ø20–25 มม. (3/4"–1")


สรุประบบ

น้ำบาดาล → ถาดเติมอากาศ → ถังตกตะกอน

กรองแมงกานีส → กรองเรซิ่น → ระบบ RO ↓ ถังพักน้ำสะอาด → ปั๊มจ่ายขึ้นถังแชมเปญ ↓ ถังแชมเปญกลางหมู่บ้าน (300 ลบ.ม., สูง 25 ม.) ↓ ท่อเมน HDPE Ø160 mm → ท่อย่อย Ø63–90 mm ↓ ท่อแยกเข้าบ้าน Ø20 mm
 

หากลูกค้าท่านใดสนใจให้ทางบริษัทออกแบบระบบประปาให้ ทางบริษัทไม่คิดค่าใช้จ่ายพร้อมเข้าดูหน้างานได้โดยแจ้ง TEL 0811707576 ID : @436pxvgt

ตัวอย่างการออกแบบระบบประปาผิวดินของเทศบาลโดยมีบ้านเรือนอยู่ 7000หลังคาเรือน พื้นที่ของเทศบาลมีความกว้าง 15 กิโลเมตร และยาว 20 กิโลเมตร พื้นที่ตั้งของระบบประปาจะอยู่ที่ปลายมุมของพื้นที่ จะทำการแสดงวิธีการออกแบบโดยใช้ ระบบผลิตประปาด้วยถังตกตะกอนแบบjet clarifier tank ด้วยการเติมสารเคมีnaoh pac polimer น้ำดิบมีค่าความขุ่น 20 ntu เราจะคำนวน operation cost ต่อ1คิวน้ำว่ามีค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า ค่าสารเคมีเท่าไหร่ ก่อนที่จะดันขึ้นถังสูงเพื่อจ่ายน้ำในเขตเทศบาล จะแสดงท่อเมนจ่ายน้ำและท่อย่อย 


✅ 1. ข้อมูลพื้นฐาน

รายการค่า
จำนวนครัวเรือน7,000 หลังคาเรือน
ผู้อยู่อาศัย/หลัง4 คน
ประชากรรวม28,000 คน
การใช้น้ำเฉลี่ย200 ลิตร/คน/วัน
พื้นที่บริการกว้าง 15 × ยาว 20 = 300 ตร.กม.
ตำแหน่งโรงกรองน้ำมุมพื้นที่ (ต้องส่งไกลที่สุด ≈ 25 กม.)

→ ปริมาณการใช้น้ำรวม = 28,000 × 200 = 5,600,000 ลิตร/วัน = 5,600 ลบ.ม./วัน


2. แหล่งน้ำดิบ & คุณภาพ

  • แหล่งน้ำ: แม่น้ำหรือคลองสาธารณะ

  • คุณภาพน้ำดิบ: ความขุ่น 20 NTU (ต่ำถึงปานกลาง)

  • ค่า pH ≈ 6.0–6.5 (ต้องปรับด้วย NaOH)


3. ระบบผลิตน้ำประปา (Jet Clarifier)

3.1 อัตราผลิตน้ำ

  • เผื่อการสูญเสียระบบ 10%
    → ผลิตน้ำดิบ = 5,600 × 1.1 = 6,160 ลบ.ม./วัน

→ อัตราการผลิต = 256.7 ลบ.ม./ชม. ≈ 4.28 ลบ.ม./นาที


3.2 ขั้นตอนการบำบัด

▸ NaOH

  • อัตราใช้: ~10 มก./ลิตร → 0.01 กก./ลบ.ม.

  • รวม 6,160 ลบ.ม. → 61.6 กก./วัน

▸ PAC (Poly Aluminium Chloride)

  • อัตราใช้: 20–30 มก./ลิตร → ใช้ 25 มก./ลิตร เฉลี่ย

  • 0.025 กก./ลบ.ม. × 6,160 = 154 กก./วัน

▸ Polymer

  • ใช้ช่วยจับตะกอน

  • อัตราใช้: 1 มก./ลิตร → 6.16 กก./วัน


3.3 Jet Clarifier Tank (ถังตกตะกอนแบบเจ็ต)

▸ พื้นที่พื้นถัง:

  • HRT = 1–2 ชม. → ใช้ 1.5 ชม.

  • ปริมาตรถัง = 6,160 / 24 × 1.5 = 385 ลบ.ม.

  • ถังสูง 4 ม. → พื้นที่ = 385 / 4 = 96.25 ตร.ม.

→ ถังกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง ~11 ม.


4. ระบบกรองหลังตกตะกอน

  • ใช้ Rapid Sand Filter

  • ความเร็วกรอง 5–10 m³/m²/hr → ใช้ 5 เพื่อประสิทธิภาพสูง
    → พื้นที่กรอง = 256.7 / 5 = ~51.3 ตร.ม.

→ ถังกรองขนาด 3×6 ม. × 3 ถัง = 54 ตร.ม.


5. ถังเก็บน้ำก่อนจ่าย

  • ขนาด 1 วัน = 5,600 ลบ.ม.

  • ถังคอนกรีตฝังดิน / ถังสูง

  • ออกแบบใช้ 2 ถัง (ใบละ 2,800 ลบ.ม.)


6. ถังสูง

  • ต้องมีแรงดันน้ำที่ไกลที่สุด (สูงสุด 25 กม.)

  • ต้องมีแรงดัน 20–30 ม. → ความสูงถัง: 30 เมตร

  • ขนาดความจุขั้นต่ำ = 1/3 ของปริมาณใช้น้ำ = 1,867 ลบ.ม. → ปัดเป็น 2,000 ลบ.ม.


7. ระบบท่อจ่ายน้ำ

▸ ท่อเมนหลัก (Main Trunk)

  • รองรับอัตราการไหล 260 ลบ.ม./ชม.

  • ความเร็วแนะนำ ≤ 1.5 m/s

คำนวณขนาดท่อ:

Q = 0.0722 m³/s
V = 1.5 m/s

→ D = √[4Q / πV] ≈ 0.248 m = 250 มม. (10 นิ้ว)

→ ใช้ HDPE Ø250 mm (PN10)

▸ ท่อกระจายระดับกลาง (Secondary)

  • HDPE Ø160 mm (6 นิ้ว)

▸ ท่อย่อยเข้าบ้าน

  • Ø20–32 mm (3/4"–1")


8. คำนวณต้นทุนการผลิตต่อ 1 คิว (1 ลบ.ม.)

รายการปริมาณ (ต่อวัน)ราคาต่อหน่วยรวมต้นทุน/วันต้นทุนต่อ 1 ลบ.ม.
NaOH61.6 กก.10 บาท/กก.616 บาท~0.11 บาท
PAC154 กก.20 บาท/กก.3,080 บาท~0.55 บาท
Polymer6.16 กก.250 บาท/กก.1,540 บาท~0.27 บาท
ไฟฟ้า (ปั๊ม + ระบบ)600 หน่วย4 บาท/หน่วย2,400 บาท~0.43 บาท

→ รวมต้นทุนการผลิต = ~1.36 บาท/ลบ.ม.


สรุปแผนผังโดยรวม:

น้ำผิวดิน → เติม NaOH, PAC, Polymer
↓ Jet Clarifier → Rapid Sand Filter ↓ ถังเก็บน้ำสะอาด ↓ ปั๊มจ่ายขึ้นถังสูง (2,000 ลบ.ม., สูง 30 ม.) ↓ ท่อเมน Ø250 mm → ท่อย่อย Ø160 mm → ท่อเข้าบ้าน Ø20 mm

การใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ตัวอย่างโรงงานผลิตอาหารเมื่อมีการใช้น้ำในกระบวนการแล้วหากมีการบำบัดน้ำเสียที่ไม่สมบูรณ์และปล่อยน้ำเสียเหล่านี้ลงในแม่น้ำลำคลอง จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์วิทยาได้
การฟอกย้อมหนังสัตว์ โดยระบบบำบัดน้ำเสียของโรงงานประเภทนี้ ต้องมีความสามารถในการกำจัดค่า bod cod และเคมีที่ใช้ในกระบวนการได้มิเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอันมาก
Visitors: 125,179