เครื่องกรองน้ำอัจฉริยะ Aqua Smart One
กำลังมองหาระบบกรองน้ำที่
จัดการสนิมเหล็ก / แมงกานีส / ความขุ่น / กลิ่น / สารพิษ / โลหะหนัก ได้ในชุดเดียว
ลดการใช้สารเคมี ช่วยประหยัดทั้งเคมีและค่าเดินระบบ
ถังไม่ใหญ่ แต่ทำงานได้ครบทั้ง ตกตะกอน + กรอง + ปรับสภาพน้ำ
และที่สำคัญ… ล้างย้อนอัตโนมัติ ไม่ต้องพึ่งแรงงานเฝ้าระบบตลอดเวลา
และที่สำคัญ
>ชุดระบบกรองนี้ ได้รับอนุสิทธิบัตรเลขที่ 23915 (แบบ 1 ขั้นตอน)
และคำขอรับอนุสิทธิบัตรเลขที่ 2503003958 (แบบกรอง 3 ขั้นตอน)
ถ้าใช่
Aqua Smart One & TerraGuard GridMatrix™ – TG Series ถูกออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาt
น้ำบาดาล: สนิมเหล็ก แมงกานีส กลิ่นเหล็ก กลิ่นดิน
น้ำผิวดิน: ความขุ่น ดินโคลน สี กลิ่น สารอินทรีย์
ปัญหาตะกรัน หินปูนในระบบท่อ
สารพิษ/โลหะหนัก ที่เป็นอันตรายในระยะยาว
รวม ถังตกตะกอน + ถังกรอง + ระบบควบคุมอัตโนมัติ ไว้ในถังเดียว
ช่วย ลดจำนวนถัง ลดจำนวนปั๊ม ลดจำนวนวาล์ว ลดงานเดินท่อ & โครงสร้าง
ใช้พื้นที่น้อยกว่าแบบเดิมเยอะ เหมาะกับหน่วยงาน, โรงงาน หรือรีสอร์ตที่มีพื้นที่จำกัด
การใช้คำสั่งในการคพนวนปริมาณตะกอนแบบอัตโนมัติ แล้วสั่งล้างย้อนอัตโนมัติ
ทำให้ แรงดันตกในระบบน้อยลง น้ำไหลนิ่ง สม่ำเสมอ
ลดปัญหากรองอุดตันจนไม่มีคนรู้ ระบบไม่ฝืด ไม่ตันง่าย
โครงสร้างภายในถังช่วยสร้าง “การรวมตะกอน” ได้เอง
หลายเคส ลดการใช้สารส้ม/โพลิเมอร์ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ระบบเน้นใช้ “หลักฟิสิกส์ของการไหลและผิวสัมผัส” แทนการใส่เคมีหนัก ๆ
เหมาะกับ
อบต./เทศบาล/หมู่บ้าน จัดการน้ำประปาชุมชน
โรงงานที่ต้องการบำบัดน้ำก่อนใช้ หรือก่อนปล่อย
รีสอร์ต/ฟาร์ม/โครงการที่ต้องการน้ำใส คุณภาพดี แต่ไม่มีพื้นที่ทำระบบใหญ่โต
บ้านใหญ่/พูลวิลล่า/โครงการที่ต้องการน้ำใช้น้ำอาบคุณภาพสูง
---
เป็น โครงข่ายแร่แบบพรุน ที่ถูกออกแบบให้
ดึง สิ่งที่เราไม่อยากให้มีในน้ำ ออกไปจากสภาวะลอยตัว
แล้วเปลี่ยนให้ไปอยู่ใน สภาพที่ถูกกักเก็บอยู่ในตัวแร่
ช่วยจัดการทั้ง สนิมเหล็ก / แมงกานีส/โลหะหนัก/สารพิษบางชนิด/ความกระด้าง / ตะกรันในระบบท่อ
ทำให้น้ำที่ผ่านออกมา ใสขึ้น เร็วขึ้น และควบคุมคุณภาพได้ง่ายขึ้น
> ลูกค้าไม่ต้องเข้าใจสมการเคมี แค่รู้ว่า
“น้ำที่เคยขุ่น–มีกลิ่น–มีสนิม / ตะกรันเยอะ จะถูกจัดระเบียบใหม่ให้สะอาดและปลอดภัยขึ้น”
ระบบแร่
> TerraGuard GridMatrix™ – TG Series
Structured Mineral GridMatrix (SMG-Matrix)
แบบเม็ด/ก้อน: TerraGuard GridMatrix™ TG-G90
แบบผงฟีด: TerraGuard GridMatrix™ TG-P90
คำอธิบายผลิตภัณฑ์
> TerraGuard GridMatrix™ – TG Series คือโครงข่ายแร่เชิงโครงสร้างแบบพรุน (Porous Structured Mineral Grid) ที่ผ่านกระบวนการจัดเรียงระยะย่อย (Sub-lattice Reorientation Process) และการสร้างจุดทำงานบนผิว (Reactive Surface Nodes) ทำให้ตัวเนื้อแร่เกิดภาวะสมดุลภายใน (Internal Phase Equilibrium) สามารถควบคุมพลังงานผิวและโครงสร้างรูพรุนหลายระดับได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้อนุภาคที่ไม่ต้องการในน้ำ เช่น สนิม โลหะหนัก ตะกอนแขวนลอย และสารปนเปื้อนเชิงซ้อน ถูกดึงให้เปลี่ยนสถานะจากรูปที่ลอยอยู่ในน้ำ มาอยู่ในรูปที่ถูกตรึงและกักเก็บภายในเนื้อแร่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การไหลและแรงโน้มถ่วงตามหลักวิศวกรรมของไหล
1.1 ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automatic Pressure & Flow Regulation)
เมื่อค่าความต้านทานสูงขึ้นถึงระดับหนึ่ง (บ่งบอกว่าชั้นกรองเริ่มอุดตัว)
ระบบจะสั่งการล้างย้อนโดยอัตโนมัติเพื่อคืนค่าแรงดันให้กลับสู่สภาวะปกติ
ใช้ค่าระดับของตะกอนเป็นตัวบ่งชี้การอุดตัน
ควบคุมความเสถียรของ “พลังงานส่งผ่านของของไหล (Hydraulic Energy)” ให้คงที่ตลอดเวลา
---
1.2 ลดแรงดันตกในระบบ (Pressure Drop Stabilization)
ความสามารถในการล้างย้อนอัตโนมัติทำให้แรงดันตก (Pressure Loss)
เกิดขึ้นน้อยกว่าระบบทั่วไป เพราะชั้นกรองถูกรีเฟรชอยู่เสมอ
ลดการเพิ่มขึ้นของแรงต้านทานการไหลในชั้นกรอง (Flow Resistance Build-up)
ทำให้เส้นกราฟแรงดันก่อน–หลังกรองมีเสถียรภาพสูง
ส่งผลให้อัตราการไหล (Q) ใกล้ค่าระดับคงตัว
---
1.3 ระบบกรองขั้นตอนเดียวหรือหลายชั้น (Single / Multi-media Hybrid Flow Structuring)
ถังเดียวสามารถจัดการกระบวนการแยกอนุภาคหลายระดับ
ตามหลัก “การกระจายความเร็ว (Velocity Gradient)” และ “แรงเฉือนต่ำ (Low-shear Zones)”
ทำให้อนุภาคขนาดต่าง ๆ แยกตัวก่อนเข้าสู่ชั้นกรองหลัก
ความเร็วไหลถูกจัดเรียงให้เหมาะสมในแต่ละชั้น
อนุภาคขนาดใหญ่ถูกแยกด้วยแรงเฉื่อย (Inertial Separation)
อนุภาคเล็กถูกชะลอและรวมตัวผ่านการเปลี่ยนทิศทางการไหลหลายครั้ง
1.4 เหมาะกับแหล่งน้ำทุกประเภท
เพราะโครงสร้างภายในถังถูกออกแบบให้รองรับ
ความแปรปรวนของความขุ่น, อนุภาคดิน, อินทรีย์, และอัตราการไหลที่ไม่คงที่
การกระจายแรงดันทั่วผิวหน้าตัดไหล (Uniform Pressure Field)
การลดจุดไหลปั่นป่วน (Vortex Reduction)
การจัดสภาพการไหลสู่ Laminar–Transition Mode เพื่อเพิ่มการแยกตัวของตะกอน
---
2.1 ขนาดถังเล็กลง แต่ประสิทธิภาพสูงกว่า (Space–Efficiency via Velocity Engineering)
การรวม “เขตชะลอความเร็ว (Settling Zone)” กับ “ชั้นกรอง (Filtering Zone)”
ทำให้ปริมาตรใช้งานทั้งหมดถูกใช้จริง 100%
ไม่เหมือนถังตกตะกอนแบบเก่าที่ต้องการพื้นที่พักน้ำขนาดใหญ่
ความเร็วเฉลี่ย (v) ถูกควบคุมให้อยู่ในช่วงที่อนุภาคสามารถตกได้ในแนวดิ่ง
พลังงานการไหลถูกลดทอนก่อนเข้าสู่ชั้นกรอง
ลดพื้นที่ใช้งานได้ 60–80% โดยไม่สูญเสียฟังก์ชันทางไฮดรอลิก
---
2.2 กำจัดความขุ่นได้ดี ด้วยหลัก “แรงโน้มถ่วง + แรงเฉื่อย”
อนุภาคดิน–โคลนจะเริ่มตกตัวด้วยแรงโน้มถ่วงเมื่อความเร็วไหลลดลง
และจะรวมตัวเร็วขึ้นเพราะเกิด โซนความปั่นป่วนต่ำ (Low-turbulence Zone)
ลดอัตราเรย์โนลด์ (Reynolds Number) ให้ต่ำลงเพื่อให้การตกตะกอนเกิดได้ต่อเนื่อง
อนุภาคขนาดเล็กถูกจับรวมด้วยแรงเฉื่อยและแรงกระแทกอ่อน ๆ
ทำให้ความขุ่น (Turbidity) ลดลงอย่างมีเสถียรภาพ
---
2.3 ลดการใช้สารช่วยตกตะกอน (เพราะโครงสร้างถังสร้าง Floc เอง)
ภายในถังมีการออกแบบให้เกิด
“การเปลี่ยนทิศการไหล (Flow Re-direction)”
ซึ่งทำให้อนุภาคชนกันมากขึ้น → รวมตัวเป็นก้อน
ลดการพึ่งพาสารส้ม/โพลีเมอร์
อาศัยหลัก Momentum Collision (การชนของอนุภาคในบริเวณความเร็วต่ำ)
สร้าง Floc แบบธรรมชาติ (Natural Aggregation)
ประหยัดสารเคมี 20–60%
---
2.4 ผลิตน้ำประปาที่ได้มาตรฐานกรมอนามัย
เพราะถังออกแบบให้
ความเร็วไหลสม่ำเสมอ, ไม่มี Dead Zone, และไม่มีการไหลลัด (Short Circuit Flow)
ความเร็วไหลถูกกระจายเต็มหน้าตัด
ไม่มีจุดค้างน้ำ (Stagnation Zone)
อนุภาคทั้งหมดต้องผ่านเส้นทางไหลที่ถูกควบคุม
---
2.5 ลดค่าอุปกรณ์ + ลดค่าก่อสร้าง ทั้งหมดในระบบ
เพราะรวม
ถังตกตะกอน + ถังกรอง + ระบบควบคุม
ไว้ในโครงสร้างเดียว
ลดจำนวนถัง = ลดปั๊ม, ลดท่อ, ลดวาล์ว
ลดปริมาตรโครงสร้าง = ลดคอนกรีต, ลดเหล็กเสริม
ลดพื้นที่ = ลดค่าใช้จ่ายของไซต์งาน 60–80%
3.1 การเหนี่ยวนำให้โมเลกุล/ไอออนสูญเสียเสถียรภาพ (Destabilization Field Effect)
ภายในถังมีการออกแบบให้เกิด สนามพลังงานผิว (Surface Energy Field) และ
ความต่างศักย์ภายในจุลสภาพแวดล้อม (Micro-environmental Potential Gradient)
ซึ่งทำให้อนุภาคหรือโมเลกุลที่ล่องลอยในน้ำ
สูญเสียเสถียรภาพของตัวเอง → เปลี่ยนสถานะจาก “กระจายตัว” ไปสู่ “รวมตัวเป็นอนุภาคแข็ง”
3.2 การเร่งการแลกเปลี่ยนพลังงานพื้นผิว (Surface Energy Exchange)
ผิววัสดุในถังมีค่าพลังงานผิว (Surface Free Energy) ที่ต่างจากน้ำอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่ออนุภาคสัมผัสผิว จะเกิดการแลกเปลี่ยนพลังงาน →
ค่าเสถียรภาพของอนุภาคลดลงอย่างรวดเร็ว (Instability Transition)
ผลลัพธ์คือ
นี่คือหลัก Physical-Induced Phase Transition
---
3.3 การเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนสถานะออกซิเดชัน–รีดักชัน(Redox State Modulation)
ในระดับฟิสิกส์เคมี
การออกแบบทิศทางการไหล, พื้นที่สัมผัส และสนามศักย์ผิว
ทำให้อนุภาคในน้ำมีแนวโน้มเปลี่ยน “ระดับพลังงานอิเล็กตรอน”
โดยไม่ต้องเติมสารกระตุ้นจากภายนอก
ซึ่งทำให้องค์ประกอบต่าง ๆ
เปลี่ยนจากรูป “ละลายง่าย” → ไปเป็น “รูปไม่ละลาย”
กล่าวง่าย ๆ คือ
ช่วยให้อนุภาคในน้ำเข้าสู่สภาพพร้อมตกตะกอนเร็วขึ้น
---
3.4 การรวมตัวของอนุภาคผ่านแรงเฉื่อย–แรงประจุ–แรงเหนี่ยวนำ (Multi-force Aggregation)
ภายในถังจะเกิดแรงหลายชนิดทำงานร่วมกัน ได้แก่
แรงเฉื่อยของการไหล (Inertial Force)
แรงเหนี่ยวนำผิว (Surface Induction)
แรงลดเสถียรภาพประจุ (Charge Suppression)
1) แรงเฉื่อยของการไหล (Inertial Force)
เมื่อน้ำที่ไหลเร็ว-ช้าไม่เท่ากัน จะเกิด “แรงดันและการพุ่งชน” ภายในถัง ทำให้อนุภาคที่แขวนลอยอยู่ในน้ำถูกดันให้เคลื่อนที่ ชนกัน รวมตัวกัน และถูกพาไปยังโซนที่ต้องการ เช่น โซนก่อตะกอน หรือโซนแยกชั้น
---
2) แรงเหนี่ยวนำผิว (Surface Induction)
พื้นผิวของแร่หรือสื่อกรองบางชนิดมี “พลังดึงดูด” อนุภาคเล็ก ๆ ที่ลอยอยู่ในน้ำ ทำให้เกาะติดที่ผิว แล้วยึดกันเป็นก้อนใหญ่ขึ้น
---
3) แรงลดเสถียรภาพประจุ (Charge Suppression)
อนุภาคเล็ก ๆ ในน้ำมักมีประจุไฟฟ้าที่ทำให้ ผลักกัน ไม่ยอมรวมตัว
แต่ในถัง ระบบจะทำให้ประจุเหล่านี้ “อ่อนแรงลง” หรือหายไป พอประจุลดลง อนุภาคที่เคยผลักกันก็จะ “จับตัวกันเป็นก้อนใหญ่” ได้ง่ายขึ้น
---
สามแรงนี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้:
ตะกอนจับตัวเร็ว
อนุภาคเล็ก ๆ รวมเป็นก้อนใหญ่
น้ำใสขึ้นในเวลาสั้น
ถังกรองทำงานเต็มประสิทธิภาพ
เมื่อสามแรงนี้ทำงานร่วมกัน →
อนุภาคเล็กจะขยายตัวเป็นอนุภาคใหญ่ (Floc Formation)
ระบบเร่งให้เกิด “Collision Efficiency สูงขึ้น”
ทำให้ตกตะกอนเร็วขึ้นแบบธรรมชาติ
---
3.5 การเปลี่ยนสถานะจาก “ละลาย” → “ของแข็ง” (Soluble-to-Particle Conversion)
นี่คือหัวใจของการทำน้ำใส
ภายในถังมีสภาวะที่ควบคุม
ความปั่นป่วน (Turbulence Control)
อัตราการไหล (Flow Velocity)
เวลาสัมผัส (Contact Time)
จึงทำให้สารที่ปกติอยู่ในรูป “ละลาย”
เกิด การรวมตัว → การเติบโตของอนุภาค → การตกตัวลง
นี่คือหลักการฟิสิกส์เคมีของ Particle Nucleation & Growth
---
> ภายในถัง มีการควบคุมพลังงานผิว–แรงเฉื่อย–เสถียรภาพของอนุภาค ทำให้สารที่ลอยในน้ำสูญเสียเสถียรภาพ เปลี่ยนเป็นอนุภาคของแข็ง รวมตัวเป็นก้อน และตกตะกอนได้อย่างรวดเร็ว จึงทำน้ำใสได้เร็วกว่าเครื่องแบบเก่าอย่างชัดเจน
(ทำหน้าที่ตกตะกอน + กรอง + ปรับสภาพน้ำ ในถังเดียว)
1) การกำจัดสนิมเหล็กและแมงกานีส
แร่ชนิดนี้เป็นวัสดุที่มี
• โครงสร้างพรุนหลายระดับ (Multi-scale Porosity)
• มีพื้นที่ผิวแอ็กทีฟสูงมาก (High Active Surface Area)
• มีสนามศักย์ผิว (Surface Potential Field)
เมื่อของเหลวไหลผ่าน
วัสดุจะสร้างสภาวะบนผิวที่:
ทำให้ อนุภาคเหล็กและแมงกานีสที่แขวนลอย สูญเสียเสถียรภาพการลอยตัว
อนุภาคจะ “ดูดติดผิว” ผ่านแรงดึงผิวและแรงยึดเหนี่ยวระดับไมโคร
ค่อย ๆ เปลี่ยนตัวเองเป็น “โครงสร้างแข็ง” และแยกออกจากของเหลวได้ง่าย
สรุป
อนุภาคโลหะที่ล่องลอยอยู่ถูกทำให้สูญเสียพลังงานเสถียร แล้วถูกจับบนผิววัสดุผ่านแรงเหนี่ยวนำผิวและแรงยึดเหนี่ยวลักษณะตะแกรงไมโครโครงสร้าง
2) การกรองน้ำผิวดินเพื่อผลิตเป็นน้ำประปา
น้ำผิวดินมีอนุภาคขนาดเล็กมาก เช่น
ดินร่วน, โคลน, สี, กลิ่น, สารอินทรีย์เบา
ซึ่งมีคุณสมบัติในการลอยตัวสูงและผ่านตัวกรองง่าย
แร่ชนิดนี้มี:
สนามเหนี่ยวนำบนพื้นผิว (Surface Induction Field)
ความสามารถในการลดพลังงานการกระจายตัวของอนุภาค (Dispersion Energy Suppression)
รูพรุนหลายระดับที่ทำงานร่วมกัน (Hierarchical Pore System)
ผลลัพธ์คือ
อนุภาคต่าง ๆ จะถูก “ลากให้มารวมตัวกัน” (Micro-aggregation)
และถูกดักไว้ภายในโครงสร้างของแร่
ทำให้น้ำใสและมีคุณสมบัติพร้อมเข้าสู่ระบบผลิตน้ำประปา
3) การลดความกระด้าง–ตะกรันหินปูน–การละลายคราบภายในท่อ
ความกระด้างคือน้ำที่มีอนุภาคแข็งที่มีแนวโน้ม “เกาะผิวท่อ”
เพราะมีแรงดูดผิวเฉพาะตัว
แร่ชนิดนี้มี:
พื้นผิวที่สร้างพลังงานผิวแบบสมดุล (Balanced Surface Energy Level)
สามารถดึงอนุภาคที่ก่อหินปูนออกมาจากของเหลวได้
ลดแรงยึดเกาะของอนุภาคต่อผิวท่อ (Anti-scaling Field)
ทำให้:
อนุภาคหินปูนส่วนหนึ่งถูกดึงออกมาติดบนผิวแร่
อนุภาคที่เกาะผิวท่อเดิมสูญเสียแรงยึดเหนี่ยวและค่อย ๆ หลุดออก
กระบวนการนี้ไม่ใช่การ “ละลายทางเคมี”
แต่เป็นการ ลดแรงยึดเกาะ–รบกวนพลังงานผิว–ทำให้ตะกรันอ่อนตัว
4) การกำจัดโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว สังกะสี ทองแดง และอื่น ๆ
โลหะหนักทุกชนิดมีคุณสมบัติร่วมคือ
ตอบสนองต่อสนามพลังงานผิว (Surface Energy Field) ของวัสดุได้ดีมาก
ตัวอย่างโลหะหนักที่ถูกดักได้ ตะกั่ว/สังกะสี/ทองแดง/นิกเกิล/แคดเมียม/โครเมียม/แบเรียม/เงิน/แทลเลียม/ดีบุก/พลวง/โคบอลต์ ฯลฯ
แร่จะ:
ดึงโลหะหนักเข้าหาพื้นผิวผ่านแรงพลังงานผิว
ทำให้โลหะหนัก “สูญเสียสภาวะการแขวนลอย”
ถูกจับยึดในโครงสร้างของแร่แบบถาวรหรือกึ่งถาวร
ทั้งหมดนี้เป็นผลจาก
แรงเหนี่ยวนำผิว + สนามศักย์เฉพาะตัวของโครงข่ายแร่
---
5) การลดสารพิษ เช่น ปรอท สารหนู ยาฆ่าแมลง ไซยาไนด์ และตัวอื่น
สารพิษเหล่านี้มีลักษณะร่วมคือ
มี “จุดไม่เสถียรของประจุบนตัวโมเลกุล”
สามารถอธิบายได้:
แร่ชนิดนี้มี:
พื้นผิวที่มีรอยต่อพลังงาน (Energy Discontinuity Points)
ช่องว่างระดับนาโนพร้อมแรงยึดเหนี่ยวแบบเฉพาะทิศทาง
ความสามารถในการดึงโมเลกุลที่มีสัญญาณไม่เสถียรเข้าหา
ทำให้สารพิษชนิดต่าง ๆ
ถูกเหนี่ยวนำให้ติดผิว และไม่สามารถกลับคืนสู่น้ำได้ง่าย
ตัวอย่างสารพิษเพิ่มเติม:/ฟีนอล/แทนนิน/ไนโตรฟีนอล/ไดออกซิน/สารอินทรีย์ระเหยเบา (VOCs หลายชนิด)/สารกำจัดศัตรูพืชกลุ่มฟอสเฟต/เบนซิน–โทลูอีน–ไซลีน/เฮกซะคลอโรเบนซีน/สารประกอบอะโรเมติกหนักต่าง ๆ
ทั้งหมดเกิดจาก การเหนี่ยวนำผิว + การกักด้วยโครงสร้างพรุนหลายระดับ
---
6) การลดแร่ธาตุหรือสารส่วนเกินที่อาจเป็นอันตรายเมื่อเกินมาตรฐาน เช่น ฟลูออไรด์ ฟอสเฟต และตัวอื่น ๆ
หลักการคือ
เมื่อของเหลวสัมผัสพื้นผิวที่มีพลังงานไม่สมมาตร (Asymmetric Surface Energy Field)
อนุภาคบางกลุ่มจะถูกดึงเข้าหาและติดอยู่ในโครงสร้าง
สิ่งที่ถูกลดด้วยหลักฟิสิกส์แบบนี้ ได้แก่: ฟลูออไรด์/ฟอสเฟต/ซัลเฟต/โบรเมต/ซิลิเกต/คลอไรด์บางรูปแบบที่ก่อความกระด้าง/ซีลีเนียมส่วนเกิน/วาเนเดียม/โมลิบดีนัม/โบรอน/สารอนินทรีย์เบาต่าง ๆ ที่มีความไวต่อพลังงานผิว
หลักการทั้งหมดคือ
การปรับสภาวะพลังงานบนผิวแร่ให้อนุภาคส่วนเกิน “เข้าตัว–จับตัว–ตกตัว” โดยไม่พึ่งกลไกเคมี
---
SEGA WATER
Tel: 081-170-7576
Line ID: @436pxvgt
Email: segawater9@gmail.com
WhatsApp: +66811707576
Website: www.segawater.com
WeChat ID: wxid_a65irdtxhma022
เครื่องกรองน้ำอัจฉริยะ
Aqua Smart One ได้รับอนุสิทธิบัตรเลขที่ 23915


